table of contents
เปรียบเทียบประกันสุขภาพเด็ก 2568: เลือกแผนที่ใช่ ไม่ต้องสำรองจ่าย ( ไม่มี Deductible ) และไม่ต้องพ่วงประกันชีวิต
การเลือกซื้อประกันสุขภาพให้ลูกรัก เป็นหนึ่งในการตัดสินใจครั้งสำคัญสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่หลายครอบครัวมองหาคือแผนประกันที่ “ไม่มีความรับผิดส่วนแรก” หรือ No Deductible ซึ่งหมายความว่าไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาส่วนแรกเอง และ เป็นแผนประกันสุขภาพที่สมบูรณ์ในตัวเอง “ไม่ต้องพ่วงซื้อประกันชีวิต” เพื่อให้เบี้ยประกันที่จ่ายไปเน้นที่ความคุ้มครองสุขภาพของลูกอย่างเต็มที่ครับ
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการนี้ ผมจึงเขียนบทความ “เปรียบเทียบประกันสุขภาพเด็ก 2568 แบบไม่มี Deducttible” ได้รวบรวมและวิเคราะห์แผนประกันจาก 4 บริษัทชั้นนำ ที่เน้นความคุ้มค่าและความสบายใจให้ผู้ปกครองโดยเฉพาะครับ
สรุปภาพรวมแผนประกันสุขภาพเด็ก (ไม่มี Deductible)
แต่ละแผนมีจุดเด่นด้านความคุ้มครองและเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความรับผิดส่วนแรก ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจ
- AXA SmartCare Essential: แผนประกันสุขภาพจาก AXA ที่มอบความคุ้มครองแบบไม่มีค่าความรับผิดส่วนแรก (ไม่มี Deductible) ผู้ปกครองจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนแรก เป็นแผนประกันสุขภาพเดี่ยวๆ ที่ไม่ต้องซื้อพ่วงกับประกันชีวิต
- Dhipaya TIP Platinum Health Care: แผนจากทิพยประกันภัยที่มีวงเงินคุ้มครองสูง อย่างไรก็ตาม แผน 2 และแผน 4 มีความรับผิดส่วนแรก (Deductible) 10,000 บาทต่อเหตุการณ์ ในขณะที่แผน 1 และแผน 3 จากตารางความคุ้มครองที่ให้มา ไม่ได้ระบุว่ามีค่าความรับผิดส่วนแรก ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ปกครองต้องสอบถามเพื่อความชัดเจนก่อนตัดสินใจ แผนนี้เป็นประกันสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล ไม่บังคับพ่วงประกันชีวิต
- Thaivivat Delight: ประกันสุขภาพจากไทยวิวัฒน์ที่โดดเด่นเรื่องการเป็นแผนแบบ ไม่มี Deductible ในทุกแผนความคุ้มครอง ทำให้สบายใจได้ว่าค่ารักษาพยาบาลจะอยู่ในความคุ้มครองตามแผนที่เลือกโดยไม่ต้องจ่ายส่วนแรก และเป็นแผนประกันสุขภาพที่ไม่ต้องซื้อประกันชีวิตพ่วง
- MSIG Fin For Kids: เป็นแผนที่เน้นคุ้มครองโรคฮิตในเด็กและอุบัติเหตุ โดยเป็นแผนแบบ ไม่มี Deductible เช่นกัน ผู้ปกครองไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนแรกเมื่อเข้ารับการรักษาตามโรคที่กำหนดหรือจากอุบัติเหตุ แผนนี้เป็นประกันอุบัติเหตุและการเจ็บป่วยเฉพาะโรค ไม่จำเป็นต้องซื้อประกันชีวิตพ่วง
สรุปข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแบบ
AXA SmartCare Essential
- ข้อดี:
- ไม่มีความรับผิดส่วนแรก (ไม่มี Deductible) ทำให้เบิกเคลมได้เต็มที่ตามวงเงิน
- เป็นแผนสุขภาพเดี่ยว ไม่ต้องพ่วงประกันชีวิต
- ต่ออายุได้ยาวนานถึง 99 ปี
- คุ้มครองโรคมะเร็งทั้งผู้ป่วยในและนอก
- ข้อเสีย:
- เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นค่อนข้างสูง
- ความคุ้มครอง OPD ต้องซื้อเพิ่มเติม ไม่ได้รวมอยู่ในแผนหลัก
Dhipaya TIP Platinum Health Care
- ข้อดี:
- วงเงินความคุ้มครองต่อปีสูงถึง 5,000,000 บาท
- ค่าห้องให้วงเงินสูงมาก เหมาะสมกับโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ
- ข้อเสีย:
- มีค่าความรับผิดส่วนแรก (Deductible) 10,000 บาท ในแผน 2 และ 4 ซึ่งหมายถึงต้องจ่ายส่วนนี้ก่อนในทุกครั้งที่เคลม
- ความคุ้มครองอุบัติเหตุมีข้อยกเว้นเรื่องการถูกทำร้ายและอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์
Thaivivat Delight
- ข้อดี:
- ไม่มีความรับผิดส่วนแรก (ไม่มี Deductible) ในทุกแผน ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องการสำรองจ่าย
- เป็นแผนสุขภาพเดี่ยว ไม่ต้องพ่วงประกันชีวิต
- เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นไม่สูง เข้าถึงง่าย มีแผนให้เลือกหลากหลาย
- ค่าห้องไม่จำกัดจำนวนวันในการรักษา
- ข้อเสีย:
- วงเงินความคุ้มครองในแผนเริ่มต้นอาจไม่สูงนัก
- ความคุ้มครองในต่างประเทศจำกัดเงื่อนไขและต้องสำรองจ่ายล่วงหน้า
MSIG Fin For Kids
- ข้อดี:
- ไม่มีความรับผิดส่วนแรก (ไม่มี Deductible)
- เป็นแผนประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ ไม่ต้องพ่วงประกันชีวิต
- เบี้ยประกันภัยถูกที่สุดในกลุ่มเปรียบเทียบ
- คุ้มครองโรคยอดฮิตในเด็กอย่างตรงจุด เช่น RSV, มือ เท้า ปาก ซึ่งแผนทั่วไปอาจไม่ระบุชัดเจน
- ระยะเวลารอคอยสั้นเพียง 15 วันสำหรับโรคที่ระบุ
- ข้อเสีย:
- วงเงินความคุ้มครองโดยรวมไม่สูงเท่าแผนสุขภาพทั่วไป
- จำกัดความคุ้มครองเฉพาะโรคที่ระบุไว้ในแผน ไม่ใช่การเจ็บป่วยทั่วไปทั้งหมด
- มีข้อจำกัดด้านอาชีพของผู้ปกครองที่ค่อนข้างชัดเจน